ห้องที่ ๑๔๔ : นายประภาษมณเฑียรปลัดวังขวา


           บัลไลยจักรเคียดแค้น ขุนกระบินทร์
เสียกิจศักดาศิลป์ สุดเศ้รา
เลิกพลกลับธานิน ถึงกราบ ทูลแฮ
คอยเหตุกลับมาเฝ้า นบแจ้งนายไปลย
           ปางจักรวรรดิเจ้า จอมสฐาน
ทราบเหตุกระบิลมาร มอดม้วย
พิธีสาตรจักรวาฬ วายวุ่น เสียแฮ
เพราะพิเภกคิดด้วย ดอดรู้รอญผลาญ
           โอรสลากลับแล้ว สนานกาย
ทรงเครื่องศึกพรรณราย ผ่องแผ้ว
เหราพตสภาย เมฆพัต ทรงเฮย
เสดจรถพร้อมทแกล้ว รีบยั้งสมรภูมิ์
           พระพรตสัตรุศล้ำ ฦๅชาญ
เสดจออกกระบี่กราน กราบเกล้า
ปฤกษาหมู่ทหาร ปราบเหล่า อสูรเฮย
ภอแว่วพลโห่เร้า ตรัสเอื้อนถามโหร
           พิเภกพงษเทพไท้ วิศสุญาณ
ทราบเหตุไตรยเพทชาญ เชียวรู้
บัลไลยจักรฮึกหาญ จอมทัพ
อาวุธเหราสู้ ศึกนี้รวังองค์
           พระพรตสั่งให้บุตร สุริยน
จัดทัพโยธีคณ คั่งพร้อม
กองหลวงยักษลิงปน อสุรผัด นำเอย
องคตนิลพัทล้อม สุดท้ายชมภูพาล
           สองกระษัตริยเสดจขึ้น สนานชล
ทรงลูบไล้เสาวคนธ์ กลิ่นกล้า
ต่างทรงเครื่องยุทธผจญ หัดถ์จับ ศิลปเฮย
ขึ้นรถรีบไป่ช้า ลุเข้าชิงไชย
          นิลพัทนิลเอกทั้ง นิลนนท์
เฃ้าต่อยุทธนาพล ยักษดิ้น
อสุรผัดล้างพหล หักรถ
พิฆาฏราชสีห์สิ้น มอดม้วยสองพัน
           เอารสสี่ภักตร์เจ้า เมืองมาร
ตกรถซวนเซซาน โกรธกล้า
จับศรเผ่นยืนทยาน แผลงมุ่ง หมายแฮ
เปนอัคนีพร่างฟ้า ฟาบฟุ้งผลาญลิง
           พระสัตรุศวุฒิแกล้ว ยืนยล
เพลิงพลุ่งลวกลาญพล วุ่นว้า
แผลงศรไล่รอญผจญ ปวงแทตย์ พินาศแฮ
เปนพิรุณร่วงฟ้า ดับเชื้อเพลิงสูญ
           ลูกท้าวสี่ภักต์รแค้น กมลดาล เดือดนอ
เหนอสุรชีพลาญ กลาดกลิ้ง
ชักไตรภพแผลงผลาญ อาวุธ ตกเอย
ศิลป์ราพดุจเทพทิ้ง สาตรต้องลิงไปลย
           พระพรตยืนรถแก้ว กลางทัพ
เหนพระน้องประจัญกับ แทตย์ท้าว
บัลไลยจักรแผลงสับฎร์ พิฆาฏ ลิงเฮย
พระพรตทรงศรน้าว หน่วงล้างรถพล
           ขุนยักษสิ้นหมดทั้ง รถพหล
แกว่งจักรเมฆสูรรน คว่างคว้าง
เปนหมอกมืดสุริยน รยับอัน แสงเฮย
ราพชักศรมุ่งมล้าง ปล่อยเปรี้ยงเสียงครืน
           เปนเหราแล่นเลื้อย พันเศียร
ขยั่นพรหมมาศเวียน แวะเว้น
รวบรัดสัตรุศเนียน หนีลิ่ว ลอยเฮย
พารีบลุเมฆเร้น รัดไว้เวหล
          ขุนยักษยลมัดหิ้ว เหินเหาะ
ทรงพระสรวลหยันเยาะ ยั่วเย้า
ผ้าโพกเศกพยนต์เหมาะ มารสั่ง รบเฮย
ฝ่ายราพระเห็จเร้า รีบร้อนจรตาม
           เรียกราหูมอบให้ รักษา
แม้นมนุศย์หนีอาญา ศึกล้าง
ตัดเศียรทั่วโยธา ทั้งโกฏิ มารเฮย
สั่งเสร็จเหาะกลับคว้าง ลุเฝ้าบิตุรง
           จักรวรรดิอสุรไท้ เทียมพรหม
ประทับแท่นทองถม แว่นฟ้า
อำมาตย์หมอบบังคม เคียมบาท ษาเฮย
ประภาศสุรเสียงจ้า ศึกเสี้ยนเปนไฉน
           บัลไลยจักรนบไท้ ทรงธรรม์
ทูลจับมนุษย์จรัญ ตรากไว้
ราหูลูกสั่งพลัน มอบรัก ษาเฮย
วันพรุ่งจับพี่ได้ เผด็จเกล้าคราวเดียว
           ปางจักรวรรดิเจ้า จอมวัง
สี่โอษฐพระสรวลดัง ลั่นก้อง
แปดหัดถ์ตบหัดถ์ประนัง ตรัสสระ เสริญแฮ
พระลูบปฤษฎางค์พร้อง ภักให้สำราญ
           ผ้าพยนต์ขี่มิ่งม้า แทนองค์
แกว่งหอกเขม้นตรง มุ่งล้าง
แทงลิงเกลื่อนกลิ้งดง ดาดื่น บังเฮย
ทำเดชศั่กดาคว้าง คลับคล้ายหายตัว
           พระพรตเหนบดคลุ้ม สงไสย
ถามพิเภกเหตุใด มืดตื้อ
โหรากราบทูลไท เพราะจักร บังเอย
ซ้ำพดเหรายื้อ อนุชไว้เมฆิน
          น้องนารายน์ทราบเสรจแล้ว แผลงศร
ต้องจักรกระจายรอญ หักร้าว
กลับเปนอัคนีฟอน พยนต์ยักษ สูญแฮ
สว่างบเหนน้องท้าว ท่านไท้ทิ้งศร
           อนุชาหริรักษกลั้น กันแสง
สั่งสุครีพฤทธิแรง อาจกล้า
พยานุชิตคำแหง องคต
นิลพัทตามทางฟ้า เสาะน้องเราคืน
           สีนายรับใส่เกล้า เหาะติด ตามนา
ตลอดทั่วอัฐทิศ เสาะค้น
เหนน้องพระจักรกฤษณ์ บังกลีบ เมฆแฮ
แสนเทวศลำบากพ้น มัดติ้วตึงองค์
           ลูกลมแปลงเพศเพี้ยน นกอิน ทรีเฮย
จิกกระชากเหราศิลป์ สลัดทิ้ง
สุครีพมุ่งภักตร์ผิน รับพระ ไว้เฮย
นิลพัทตียักษกลิ้ง เกลือกม้วยพลมาร
           ราหูพิโรธเลี้ยว ชิงสวา
สุครีพมือเดียวภา พระอุ้ม
องคตกับปักษา นิลพัท ช่วยแฮ
ต่างต่อตีถีบกลุ้ม ราพต้องตกดิน
           นกหายคงเพศน้อม รับสัตรุศ รเหจเฮย
สามกระบี่ตามรุด ลุแล้ว
วางองคบัดวายุบุตร ทูลเสรจ ศึกฮา
สมพระไทยภักตรแผ้ว พระพร้องชมกบินทร์
           พระพรดสวมกอดแก้ว อนุชา
พ่อไม่รวังเหรา รัดหิ้ว
กราบทูลพระเชษฐา เพราะมืด มัวเฮย
จอมทัพสั่งเดินริ้ว เลิกเข้าพลับพลา

จบห้องที่ ๑๔๔

  เนื้อความกล่าวถึงเมื่อท้าวจักรวรรดิทราบว่ามารกระบิลสิ้นชีพ และบัลไลยจักรต้องเสียพิธีชุบศร ก็โกรธพิเภกที่เป็นไส้ศึก ฝ่ายบัลไลยจักรเตรียมยกทัพออกไปสู้กับพระพรต พิเภกทูลเตือนพระพรตให้ระวังศรเหราพตของบัลไลยจักร พระพรตให้สุครีพจัดทัพ อสุรผัดนำทัพหลวงซึ่งประกอบด้วยพลยักษ์และพลวานร องคตและนิลพัทคุมทัพล้อม ชมพูพานคุมทัพหลัง กองทัพทั้งสองฝ่ายปะทะกัน นิลพัท นิลเอก และนิลนนท์ สังหารพลยักษ์ อสุรผัดหักรถทรงของบัลไลยจักรและฆ่าราชสีห์เทียมรถทั้ง ๒,๐๐๐ ตัว บัลไลยจักรตกจากรถจึงแผลงศรเป็นไฟสังหารพลวานร พระสัตรุดแผลงศรเป็นฝนดับไฟ บัลไลยจักรแผลงศรอนันต์ไตรภพสังหารเหล่าวานรตายสิ้น พระพรตเห็นพระสัตรุดต่อสู้กับบัลไลยจักรจึงแผลงศรทำลายรถศึก พลยักษ์บัลไลยจักรสูญเสียทั้งรถและไพร่พล จึงขว้างจักรเมฆสูรเป็นหมอกมืดบดบังแสงอาทิตย์ แล้วแผลงศรเหราพตเป็นเหรา ๑,๐๐๐ หัวเข้ารัดพระสัตรุด พาไปซ่อนไว้ในเมฆ บัลไลยจักรเสกผ้าโพกเป็นหุ่นพยนต์รบแทน แล้วรีบเหาะตามไป และเรียกราหูมาสั่งให้คุมตัวพระสัตรุดไว้ หากพระสัตรุดหนีไปได้ จะตัดหัวพลยักษ์ทั้งโกฏิ จากนั้นก็รีบไปเฝ้าท้าวจักรวรรดิ กราบทูลว่าจับตัวพระสัตรุดได้ วันรุ่งขึ้นจะจับพระพรตสังหารเสียพร้อมกัน ฝ่ายพระพรตเห็นท้องฟ้ามืดครึ้ม จึงตรัสถามพิเภก พิเภกทูลว่าจักรของบัลไลยจักรบังแสงอาทิตย์ไว้ อีกทั้งเหราก็รัดพระสัตรุดพาไปซ่อนไว้ในเมฆ พระพรตจึงแผลงศรเป็นไฟทำลายจักรและหุ่นพยนต์ แต่ไม่เห็นพระสัตรุด จึงสั่งให้สุครีพ หนุมาน องคต และนิลพัท ไปค้นหาพระสัตรุดบนท้องฟ้า เมื่อพญาวานรทั้งสี่เหาะขึ้นไปในอากาศ ก็พบพระสัตรุดถูกเหรารัดอยู่ในก้อนเมฆ หนุมานแปลงเป็นนกอินทรีจิกกระชากเหราให้สลัดพระสัตรุด สุครีพเหาะขึ้นรับพระสัตรุดไว้ ราหูตามมาชิงพระสัตรุด ทั้งสุครีพซึ่งอุ้มพระสัตรุด หนุมานในร่างนกอินทรี องคต และนิลพัท ช่วยกันต่อสู้จนราหูตกสู่พื้นดิน จากนั้นพญาวานรทั้งสี่ก็พาพระสัตรุดมาเฝ้าพระพรต

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “เชี่ยวรู้”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “รยับอับ แสงเฮย”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “สี่นายรับใส่เกล้า”